เมื่อเร็วๆนี้ต้องบอกว่ามีเรื่องอื้อฉาวบางอย่างเกิดขึ้นในวงการลูกหนังผู้ดี นั้นก็คือกรณีที่ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกดาวยิง ผลบอล ตัวเก่งของลิเวอร์พูลปฏิเสธการจับมือกับ เอวร่า แบ็กของแมนฯยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือด ณ สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ทั้งนี้เหตุผลสืบเนื่องมาจากกรณีที่หลุยส์ ซัวเรซ ถูกเอฟเอลงโทษในคดีเหยียดผิวเอวร่า เป็นการห้ามลงแข่งทั้งสิ้นจำนวน 8 นัด พร้อมทั้งปรับเงินอีกจำนวนหนึ่ง ก็คือคล้ายๆกับว่าซัวเรซอาจจะมองว่าเอวร่าเป็นต้นเหตุให้ตัวเขาต้องถูกลงโทษ แต่กระนั้นเราจะไม่กล่าวถึงในกรณีเหยียดผิวว่าใครถูกใครผิดให้เป็นประเด็นขึ้นมาอีก
ทั้งนี้การที่ซัวเรซเลือกที่จะไม่ยอมจับมือกับเอวร่าและข้ามไปจับมือกับนักเตะคนถัดไปของแมนฯยูไนเต็ด หากมองในแง่ของความผิดถูก หรือตามกฎฟุตบอลแล้ว ซัวเรซไม่ผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่หากเป็นเรื่องของมารยาทในเกม ผลบอล แล้ว สิ่งที่ซัวเรซทำ ถือได้ว่าไม่ควรอย่างยิ่งครับ กระนั้นหากเอวร่าไม่ไปดึงแขนซัวเรซไว้ เรื่องประเด็นการจับมือนี้ก็คงไม่ใหญ่โตลุกลาม แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่งในมุมของเอวร่า จากการสันนิษฐานนะครับ เพราะจริงๆแล้วคนดูอย่างเราๆเองก็ไม่รู้ว่าในใจของนักเตะสองคนนั้นคิดอะไรอยู่ ก็คือเอวร่าอาจจะตั้งใจมาจับมือกับซัวเรซเพื่อเป็นการจบเรื่องราวบาดหมางระหว่างเขาที่เกิดขึ้น แต่เมื่อซัวเรซ ข้ามเข้าไป ก็คล้ายๆกับอารมณ์เสียความรู้สึก เสียความตั้งใจ ออกอาการฉุนๆหน่อย จึงทำการดึงแขนซัวเรซไว้ และบรรยากาศตลอดทั้งเกมก็ค่อนข้างตึงเครียด บรรดาผู้สื่อข่าวก็โฟกัสที่หลุยส์ ซัวเรซ และ เอวร่า เป็นหลัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากจบแมทดังกล่าว แม้ว่าเกือบจะมีการปะทะกันระหว่างอุโมงค์ห้องแต่งตัวก็ตาม ภายหลังซัวเรซก็ได้ออกมาแถลงข่าวขอโทษในกรณีที่เข้าไม่จับมือกับเอวร่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องแมนๆของนักฟุตบอลครับ
ส่วนทางด้านแมนฯยูไนเต็ดเองก็แมนไม่แพ้กัน เมื่อซัวเรซกล้าออกมากล่าวขอโทษ แมนฯยูไนเต็ดเองก็กล้าที่จะรับคำขอโทษ และอภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ถือโทษโกรธเคืองกันแต่อย่างใด ก็ถือได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้แม้จะเป็นเรื่ออื้อฉาวก็ตาม แต่เมื่อจบลงด้วยดีแบบนี้ ก็ถือเป็นตัวอย่างแมนๆให้แก่ นักกีฬา ผลบอล คนอื่นๆ เพราะถึงแม้ว่าบางครั้งบางคราวอาจจะมีการปะทะกัน หนักบ้างเบาบ้าง อารมณ์เดือดกันบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปใจเย็นลงทุกคนต่างรู้ดีว่า นักฟุตบอลต่างไม่ได้อย่างมีศัตรูกันทั้งนั้นแหละครับ